clear drinking glass on brown wooden table

ในที่สุดก็ถึงวันจะได้ปล่อยชิลแล้ว เรื่องเตรียมนัดตี้เรียกเพื่อนกันมาชุมนุมพร้อมเก็บกวาดสถานที่รอต้อนรับคน บอกเลย “เรียบร้อยไม่มีพลาด!” แต่สิ่งหนึ่งที่ยังขาดดันเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีก็คือ ‘เหล้า’ นี่แหละ แน่นอนว่า ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงแบรนด์ ‘Johnnie Walker’ แต่ประเด็นคือ  แบรนด์นี้ดันมีให้เลือกหลายเกรดหลายสีจะเลือกอย่างไรดี แต่ละเกรดแตกต่างกันอย่างไร และทำไมราคาถึงต่างกัน มาดู!

ทำไมถึงต้อง ‘Johnnie Walker’

บางคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงต้องเป็น ‘Johnnie Walker’ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่มักจะเลือกเหล้าแบรนด์นี้ก็เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกรดดีมีคุณภาพในรูปแบบสก็อต์เกรนวิสกี้ที่ผ่านการใช้เวลาหมักบ่มมาเป็นระยะเวลานานหลายปี หากจะเปรียบเป็นรถ ‘Johnnie Walker’ ก็คงเป็นรถ Benz เรียบหรูมีระดับ รสชาติถูกคอถูกใจ เวลาเที่ยวกลางคืนใครแวะไปเช็คอินร้านเหล้าแบรนด์นี้ก็จะเป็นหนึ่งในตัวท็อปหาง่ายมีแทบทุกร้านและไม่ต้องกลัวว่า สั่งมาแล้วจะไม่ถูกใจเพื่อนร่วมโต๊ะ มีการแบ่งเกรดตามหรือสีของลาเบลตามจำนวนปีที่หมักบ่ม ชนิดของส่วนผสม สถานที่และถังหมักบ่ม รวมถึงเกรดของน้ำที่นำมาใช้หมักบ่ม ทำให้ราคาต่างกันด้วย

ความแตกต่างของเหล้า Johnnie Walker แต่ละเกรด

ด้วยความที่ Johnnie Walker มีหลายเกรดมาก เพื่อให้คอเหล้าทุกคนเลือกได้ถูกคอตรงใจเลยขอพามาดูกันต่อว่า แต่ละเกรดแตกต่างกันยังไงบ้าง

  • Johnnie Walker Red Label

วิสกี้ตัวดังของ Johnnie Walker ฮิตมากถึงขั้นเป็นสก๊อตช์วิสกี้ที่ขายดีที่สุดในโลก ผ่านการผสมทั้งจาก Malt และ Blended Whisky 35 ชนิด แม้จะไม่ใช่สก๊อตช์วิสกี้ 100% ก็ตาม ทุกคนสามารถสั่งมาดื่มได้ทุกสถานการณ์ ไม่มีกฎการดื่มตายตัว จะดื่มเพียว หรือมิกซ์เป็นม็อกเทลก็ได้หมดถ้าสดชื่น กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนซิตรัส รสชาติมีความหวาน นุ่ม และเผ็ดร้อนในคราวเดียวกัน

  • Johnnie Walker Black Label

วิสกี้เก่าแก่ที่สุดในตระกูล Johnnie Walker มีการเอา Malt และ Grain Whiskey กว่า 40 ชนิด มาผสมกันจนกลายเป็น Blended Whisky ใช้เวลาหมักบ่มกว่า 12 ปี รสชาตินุ่มลึกและคลาสสิกเหนือกาลเวลา กลิ่นเหมือนผ่านการรมควันถ่านผสานความนุ่มละมุนของวานิลลา รสชาติเหมือนลูกอมผสมผลไม้รสหวานและเผ็ดร้อน ค่อนข้างเข้มกว่าตัวแถบแดงพอสมควร

  • Johnnie Walker Green Label

วิสกี้น้องใหม่ของ Johnnie Walker สีเขียวชื่อ HIGH RYE เป็น Pure Malt ไม่มี Grain Whiskey ผสม ผ่านการหมักบ่มมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี กว่า 15 ชนิดที่นำมาประกอบเป็นส่วนผสมเป็นวิสกี้เกรดพรีเมี่ยมจากสก๊อตแลนด์ กลิ่นหวานนุ่มสุขุมตัดกับความเผ็ดร้อนและละมุนของวานิลลา รสชาติเหมือนแอปเปิ้ลเขียวผสมกาแฟเข้มและกานพลูแห้ง แนะนำให้ลองจิบแบบเพียวไปนิดนึงก่อนจะใส่น้ำแข็งลง 1-2 ก้อนในแก้วแล้วชิมอีกครั้งความฟินจะตามมาแบบเน้นๆ เลยล่ะ

  • Johnnie Walker Blue Label

ขวดนี้สิของจริง Johnnie Walker Blue Label ถือเป็นวิสกี้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ด้วยการผสมผสานระหว่าง Malt และ Grain Whiskey เกรดพรีเมี่ยม กว่า 16 ชนิด ผ่านการหมักบ่มยาวนานถึง 60 ปี ย้ำ! 60 ปี พวกแพ็กเกจก็ทำสมกับราคากล่องกระดาษอย่างดีบรรจุผ้าซาติน หัวจุกเป็นไม้ก็อกหุ้มตะกั่วสีทอง มีหมายเลขกำกับทุกขวด และที่สำคัญ มีเงินก็ใช่ว่าจะได้ดื่ม เพราะหายากมาก รสชาติดีสมราคาคล้ายคาราเมลผสานเฮเซลนัทและดาร์กช็อกโกแลตนุ่มลึกเป็นพิเศษ ถ้าจะดื่มรสนี้ต้องดื่มเพียวเท่านั้น อย่านำไปมิกซ์ให้เสียรสชาติเด็ดขาด

  • Johnnie Walker Gold Label

วิสกี้สีทองของ Johnnie Walker เป็นวิสกี้ที่ถูกออกแบบมาในช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี มีส่วนประกอบหลักจาก Clynelish หนึ่งใน Malt Whiskey ที่หายาก และมีราคาสูง ทำให้เกิดสีทอง ผสานความหวานละมุนจากน้ำผึ้ง ผ่านการหมักบ่มกว่า 18 ปี ทำให้ขวดสีทองมีรสชาติหวานนุ่มละมุนตัดด้วยความเผ็ดร้อนเบาๆ เหมือนเครื่องเทศเล็กน้อย เอาไปแช่เย็นจัดแล้วหยิบมาดื่มเพียวๆ จะฟินสุดๆ

Johnnie Walker ทั้ง 5 สีที่แรบบิท แคร์ หยิบมาบอกต่อในบทความนี้เป็นเพียงตัวฮิตประจำแบรนด์เท่านั้น ปัจจุบันยังมีให้เลือกอีกหลายสีหลายเกรดมาก ๆ แต่ก็คงพอทำให้คอเหล้าเข้าใจได้บ้างแล้วใช่ไหมว่า แต่ละเกรดไม่ได้ต่างกันแค่เรื่องของราคา แต่ยังต่างกันทั้งจำนวนปีที่หมักบ่ม ชนิดของส่วนผสม สถานที่และถังหมักบ่ม รวมถึงเกรดของน้ำที่นำมาใช้หมักบ่ม ไปจนถึงเรื่องของรสชาติ เพราะงั้นใครถูกใจขวดลาเบลไหนก็อย่าลืมไปหามาลองดื่มกับญาติสนิทมิตรสหายกันดูนะ รับรองว่า ฟิน! แน่นอน แต่ถ้างบจำกัดแล้วต้องการซื้อเหล้าหรือวิสกี้เกรดพรีเมี่ยมมาจัดปาร์ตี้ประจำปีหรือโอกาสพิเศษ ขอแนะนำให้เลือก ‘บัตรเครดิต’ จากแรบบิท แคร์ สมัครง่าย จ่ายไว ผ่อนสบายแบบไร้กังวล ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คลิก!